เราติดหวานหรือไม่แล้วแก้อย่างไร
ค่อยๆ ลด ความหวานลงที่ละน้อยให้รู้สึกว่าไม่ทรมานตัวเองมากเกินไป เช่น การปรุงก๋วยเตี๋ยว จากเดิมที่
เคยใส่น้ำตาล ที่ละมากๆ ก็ควรปรับลดลงเรื่อยๆ อย่าหักดิบแบบกะทันหัน เพราะ ร่างกายจะไม่ยอมรับและ
ทำได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น โดยมากจะใช้เวลา 1-2 เดือน ร่างกายจะชินกับความหวานน้อยและอร่อย
เหมือนเดิม
หัดพูดให้ติดปากบอกพ่อค้า แม่ค้า ในการประกอบอาหารว่า “ไม่หวาน” ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม หรือ อาหาร
ที่ต้องมีการปรุงรส หรือ เลือกอาหารที่เห็นว่าไม่มันมากจนเกินไปเพราะจะมีรสหวานพ่วงมาด้วย
ดื่มน้ำเปล่าเป็นหลัก พยายามอย่าให้ร่างกายขาดน้ำ เนื่องมาจากหากร่างกายขาดน้ำจะทำให้รู้สึกหิวและ
เพิ่มความอยากความหวานมากขึ้น การดื่มน้ำเปล่าประมาณ 1 แก้ว เมื่อรู้สึกอยากความหวานจะช่วยลด
ความอยากลงได้
เลือกรับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผัก ข้าวกล้อง เลือก ผลไม้รสชาติไม่หวาน เพิ่มเติมอาหาร
ประเภทถั่วฝัก ถั่วเปลือกแข็ง ใยอาหารจะช่วยลดความอยากความหวาน และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลใน
เลือดลงได้ด้วย
เช็คสัญญาณ อาการติดหวาน
- รู้สึกอยากขนมหวานที่ตัวเองชอบเรื่อยๆ
- รู้สึกเหนื่อยล้า หงุดหงิด อารมณ์ไม่ดี เมื่อไม่ได้กินอาหารหรือขนมที่มีส่วนประกอบของแป้งหรือน้ำตาล
- รู้สึกหิวบ่อย
- มีนิสัยกินอาหารหวานต่อจากอาหารคาวเป็นประจำ
- มีของติดตู้เย็นที่เป็นของหวานอยู่ตลอด
- ชอบอาหารกลุ่มซีเรียลเคลือบนน้ำตาล
- ทำอาหารทุกจานต้องเติมน้ำตาล เช่น ไข่เจียวเติมน้ำตาล ทำพริกน้ำปลาเติมน้ำตาล
- ชอบงานเลี้ยงสังสรรค์ เพราะมีอาหาร เครื่องดื่มและของหวาน
- ในมื้ออาหารมักจะเลือกดื่มเครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำเปล่า
แต่ถ้าหากใครจะเลี่ยงหวานจริงๆ แต่ดันเลี่ยงไม่ได้ จนมีพุงยื่นออกมา แต่ก็ยังเลิกกินไม่ได้ เรามีทางออก
ให้คุณค่ะ Star Clinic จะแก้ไขปัญหาเรื่องพุงและไขมันส่วนเกินให้คุณเอง ทางเรามีโปรแกรมสลายไขมัน
หลายโปรแกรมให้คุณได้เลือกเพื่อรองรับความพึงพอใจและความเหมาะสมในแต่ละบุคคลค่ะ